สิ่งที่ได้…เมื่อฉันไปปีน..น้ำตกผาแตก น้ำตกเมืองกาญจน์ที่ใครๆก็ไม่รู้จัก
“ปีนน้ำตก” เป็นคำที่ฟังดูแล้วน่าตื่นเต้นสำหรับฉัน และยิ่งได้รู้ว่า น้ำตกผาแตกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่แห่งเมืองกาญจน์ที่อยู่ใกล้กับเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและนั่นคือเหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้ฉันออกเดินทางไป “ปีนน้ำตกแห่งเมืองกาญจน์” น้ำตกผาแตก!!!! และนี่คือสิ่งที่ฉันได้จากการไปปีนน้ำตกเมืองกาญจน์
1 ได้ออกกำลังกายพร้อมกับเพื่อน ๆ นอกห้องฟิตเนส ^^
น้ำตกผาแตก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ใจกลางผืนป่าบริเวณบ้านทิพุเย ใกล้กับเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เราต้องแบกเป้เดินเท้าพร้อมกับเพื่อน ๆกันราว 6 – 7 กิโลเมตร ผ่านป่าไผ่เรื่อย ๆ เดินผ่านดงส่านบ้าง เดินผ่านป่ายางนา ที่สูงใหญ่บ้าง ระหว่างเส้นทางเดินเราจะผ่านลำห้วยเกือบตลอดเส้นทาง และเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางราบ เราเดินกันจนเหงื่อไหล หัวใจเต้นแรงเล็กน้อย แถมด้วยอากาศบริสุทธิ์ที่ไหลเข้าสู่ปอด
เราจะเดินข้ามลำห้วยกันราว 3 ลำห้วย ถึงลำห้วยสุดท้ายฉันกับเพื่อน ๆ แวะทานข้าวห่อที่เตรียมมา เมื่อข้าวเรียงเม็ดแล้วก็ได้เวลาขึ้นเป้ ออกเดินทางไปยังจุดตั้งแค้มป์กันต่อ
2 ได้นอนฟังเสียงน้ำไหล และฟังเสียงหัวใจตัวเอง
ว่ากันว่า ธรรมชาติจะช่วยเยียวยาหัวใจของเราให้แข็งแกร่ง ที่จุดตั้งแค้มป์ ฉันหาทำเลผูกเปลเข้ากับต้นไม้ ที่ห่างจากลำธารเล็กน้อย เริ่มต้นจากกางฟลายชีตก่อน เพื่อเป็นหลังคากันแดดกันฝน แล้วค่อยต่อด้วยผูกเปลมุ้ง ทดสอบนั่งก่อนนอนจริง 1 รอบ ตลอดทั้งคืน น้ำตกเมืองกาญจน์แห่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงบและเย็นสบายมากกว่านอนในห้องแอร์ที่กรุงเทพฯ
3 ได้รู้จักการดูแลตัวเอง และช่วยเหลือเพื่อนร่วมทาง
การที่เราได้ “ปีนน้ำตก” มันช่วยสร้างอะดรีนาลีนมาเพิ่มให้เรารู้สึกตื่นเต้น และช่วยสร้างสติให้เรารู้จักการระวังในแต่ละอย่างก้าวเพื่อไม่ให้ลื่นไถลไปกับสายน้ำ และสตินั้นก็ได้เผื่อแผ่ไปยังการดูแลเพื่อนร่วมทีมของเราอีกด้วย
>น้ำตกชั้นที่ 1 น้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลตกผ่านหินสูง ลงสู่สระน้ำสีเขียวอมฟ้า ที่ถูกฬโอบล้อมด้วยผืนป่า
>น้ำตกชั้นที่ 2 เดินอ้อมปีนน้ำตกขึ้นสู่น้ำตกชั้นที่ 2 จะเจอสายน้ำตก 4-5 สาย ไหลผ่านหินสูง ก่อนรวมเป็นสายน้ำเดียวแล้วไหลรวมลงสู่น้ำตกชั้นที่ 1 ปีนผ่านขึ้นไปยอดน้ำตกชั้นที่ 2 กันต่อ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ต้องใช้เชือกดึงตัวขึ้นไป ไม่ต้องกลัวไปนะจ๊ะ เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ จ้า เมื่อขึ้นมาถึงยอดของน้ำตกชั้นที่ 2 เราจะเจอม่านน้ำตกเล็ก ๆ เรียงตัวลดหลั่น สลับตัวไปมา ถัดไปเป็นสายน้ำตกไหลผ่านหินสูงลงสู่แอ่งน้ำสีเขียวมรกต
น้ำตกชั้นที่ 3 เดินอ้อมลงจากตัวน้ำตก ปีนผ่านก้อนหินไปสักระยะ เดินขึ้นสู่ตัวน้ำตกชั้นที่ 3 เดินผ่านตัวน้ำตกไปชมน้ำตกชั้นที่ 3 ที่แอบตัวอยู่ด้านใน น้ำตกชั้นนี้เป็นสายน้ำที่ไหลผ่านช่องหินแคบๆ แบ่งเป็นชั้นๆ และถุกปกคลุมด้วยร่มไม้สีเขียวครึ้ม มองคล้ายเหมือนห้องอาบน้ำขนาดใหญ่
น้ำตกชั้นที่ 4 เดินย้อนกลับลงมาจากน้ำตกชั้นที่ 3 แล้วเดินขึ้นเนินเขา บ้างช่วงปีนก้อนหินบ้าง จะเจอส่วนล่างของน้ำตกชั้นที่ 4 เราจะเจอชั้นน้ำตกที่ไหลตกผ่านชั้นหิน ไหลลดหลั่นกันผ่าน ม่านน้ำขนาดใหญ่ ชั้นนี้ถือว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุด จุดนี้เราจะเห็นสายน้ำตกไหลผ่านช่องหินที่แยกออกจากกัน ซึ่งเป็นที่มาของน้ำตกแห่งนี้ “ผาแตก”
3 Slow life ไปกับเสียงร้องของธรรมชาติ
แก๊ก แก๊ก แก๊ก วี้ดดดดดดด วิ้ววววววว
เสียงประหลาดยามเช้าที่เริ่มส่งเสียงรับขานกันต่อสนั่นผืนป่าใกล้เขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มาพร้อมกับสายลมเย็น ๆ ที่พัดโชยมา ฉันลุกตัวขึ้นจากเปล ขยี้ตาเพื่อปลุกให้ตัวเองหายจากความง่วง หยิบขวดน้ำที่ติดอยู่กับเป้ที่วางอยู่เปลมุ้ง คว้ายาสีฟัน บีบตัวยาเพียงเล็กน้อยลงบนตัวแปรง สีฟัน ล้างหน้าเรียกความสดชื่น
หันซ้าย หันขวา มองหาหม้อต้มกาแฟ มาต้มกาแฟร้อน ๆ แบบช้าๆ เราค่อย ๆนั่งจิบฟังเสียงธรรมชาติในยามเช้า อืมม์ อบอุ่นดีจัง
“ได้ยินเสียงนกเงือกร้องไหม?” เสียงพี่เจ้าหน้าที่ถามขึ้นมาในวงอาหารยามเช้า
“นกเงือกเหรอพี่ นกเงือกจริงๆ อ่าเหรอคะ” ฉันถามออกไป
“ใช่ ที่นี่สมบูรณ์มากนะ” พี่เจ้าหน้าที่ตอบ
“ดีจัง ” ^^ ฉันคิด
5 ได้เรียนรู้ว่า บางครั้งการใข้ชีวิตให้มีความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล 108
เพียงเพราะเหตุผลง่าย ๆ ว่า “อยากไป” ก็ทำให้ชีวิตเรามีความสุขกับสิ่งรอบข้างมากกว่าที่เคย
“คิดเรื่องเหตุผลให้น้อยลง แล้วออกไปเจอโลกให้มากขึ้น”